หลังจากรายงานเงินเฟ้อถูกเผยแพร่ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทรัมป์ได้กดดันประธานเฟด พาวเวลล์ ให้ดำเนินการลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง
เมื่อวันอังคาร (13 พฤษภาคม) ตามเวลาท้องถิ่น ทรัมป์ได้โพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียล Truth Social ว่า "ไม่มีเงินเฟ้ออีกแล้ว! ราคาน้ำมันเบนซิน พลังงาน ของใช้ในครัวเรือน และสินค้าอื่นๆ เกือบทุกชนิดกําลังลดลง!!!"
"เฟดต้องลดอัตราดอกเบี้ย เหมือนที่ยุโรปและจีนได้ดำเนินการไปแล้ว" ทรัมป์กล่าวเสริม "เกิดอะไรขึ้นกับ 'มิสเตอร์ล่าช้า' พาวเวลล์? นี่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ยุติธรรมต่อสหรัฐฯ ที่กำลังจะเติบโตขึ้นหรือ?"
ทรัมป์สรุปด้วยการเขียนว่า "ให้การลดอัตราดอกเบี้ยเกิดขึ้นซะ—มันจะเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมาก!"

ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน สํานักงานสถิติแรงงานแห่งชาติสหรัฐฯ ได้เผยแพร่รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) รายเดือน ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า CPI ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.2% เทียบรายเดือน และ 2.3% เทียบรายปีในเดือนเมษายน ซึ่งทั้งสองตัวเลขล้วนต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 0.3% และ 2.4% ตามลำดับ
เมื่อไม่รวมราคาอาหารและพลังงานที่ผันผวนมากขึ้น CPI หลักเพิ่มขึ้น 0.2% เทียบรายเดือน และ 2.8% เทียบรายปี ซึ่งสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้การเพิ่มขึ้นของ CPI 2.3% เทียบรายปี และการเพิ่มขึ้นของ CPI หลัก 2.8% เทียบรายปี เป็นระดับที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ต้นปี 2564
การเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ทรัมป์ลดความสำคัญของความเสี่ยงที่นโยบายภาษีศุลกากรของเขาอาจก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นของราคาและการขาดแคลนสินค้า ปัจจุบัน ทรัมป์ได้กำหนดอัตราภาษีศุลกากรขั้นต่ำที่ 10% สําหรับเกือบทุกประเทศ และได้ดําเนินการหรือขู่ว่าจะดําเนินการเพิ่มเติมภาษีศุลกากรต่ออุตสาหกรรมหลัก
มาตรการเหล่านี้ได้สร้างความวุ่นวายในตลาดและก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นสําหรับผู้บริโภคชาวอเมริกันและการชะลอตัวของเศรษฐกิจ นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า รายงานเงินเฟ้อเดือนเมษายนไม่ได้มีข่าวร้าย เนื่องจากสินค้านําเข้าจํานวนมากที่เข้าสู่สหรัฐฯ ในเดือนนั้นได้มาถึงก่อนที่ภาษีศุลกากรจะมีผลบังคับใช้
นอกจากนี้ บริษัทบางแห่งเลือกที่จะรับภาระค่าใช้จ่ายด้วยตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการลดลงของความต้องการท่ามกลางความวิตกกังวลทางเศรษฐกิจที่มีอยู่ของผู้บริโภค ผลงานที่อ่อนแอในรายการต่างๆ เช่น ค่าตั๋วเครื่องบิน โรงแรม และความบันเทิง ยังสะท้อนให้เห็นถึงสัญญาณของความต้องการที่อ่อนแอลง จํากัดการเพิ่มขึ้นของ CPI
อย่างไรก็ตาม มีข่าวดีอย่างหนึ่งที่แน่นอนในรายงาน คือ ราคาของใช้ในครัวเรือนลดลงมากที่สุดเทียบรายเดือนตั้งแต่ปี 2563 โดยราคาไข่ลดลง 13% เทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการลดลงที่มากที่สุดในรอบสี่ทศวรรษราคาเบคอน ไก่ และข้าวก็ลดลงเช่นกัน

ในปีนี้ เฟดสหรัฐฯ ได้รักษาอัตราดอกเบี้ยให้คงที่ ทำให้ทรัมป์กดดันพาวเวลล์อย่างต่อเนื่องให้ลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย การเปิดเผยข้อมูลจำนวนผู้มีงานทำนอกภาคเกษตร และรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ทุกครั้ง ทรัมป์จะโพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียหรือเรียกร้องให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยในระหว่างการแถลงข่าว
อย่างไรก็ตาม พาวเวลล์และเพื่อนร่วมงานของเขาได้ระบุว่า สงครามภาษีศุลกากรขนาดใหญ่ของทรัมป์ได้เพิ่มความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อและการว่างงานในสหรัฐฯ และว่า "ธนาคารกลางจะไม่รีบร้อนดำเนินการ" ในการแถลงข่าวหลังจากการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พาวเวลล์ใช้คำว่า "รอ" ถึง 22 ครั้งในรูปแบบต่าง ๆ



