ขณะที่กานากำลังเตรียมพัฒนาเหมืองลิเธียมแห่งแรกของประเทศที่อีโวยา (Ewoyaa) การถกเถียงกันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีให้กับแอตแลนติก ลิเธียม (Atlantic Lithium) ก็ทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการคุ้มครองรายได้ในระยะยาว สถาบันการปกครองทรัพยากรธรรมชาติ (NRGI) เตือนว่า การลดภาษีถาวรอาจทำให้กานาเสียเปรียบหากราคาลิเธียมฟื้นตัว และได้เรียกร้องให้รัฐสภาตรวจสอบข้อเรียกร้องความเป็นไปได้ที่แก้ไขแล้วของบริษัท ก่อนอนุมัติสัญญาเช่าเหมือง
ข้อพิพาทนี้เน้นไปที่ข้อเรียกร้องสำคัญสองประการจากบารารี ดีวี (Barari DV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของแอตแลนติก ลิเธียมในกานา คือ การลดอัตราค่าลิขสิทธิ์จาก 10% เป็น 5% และการแก้ไขเงื่อนไขภาษีนิติบุคคล บริษัทโต้แย้งว่า ราคาลิเธียมที่ตกต่ำทำให้อัตราผลตอบแทนหลังหักภาษีลดลงจากการคาดการณ์เบื้องต้นที่ 94% เหลือเพียง 13.6% เท่านั้น อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์อิสระของ NRGI ชี้ให้เห็นว่า โครงการนี้อาจยังคงให้ผลตอบแทน 28% แม้ในราคาปัจจุบัน
“นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่ต้องระมัดระวัง” นักวิเคราะห์เศรษฐกิจของ NRGI กล่าว“ราคาสโปดูเมนอาจฟื้นตัวกลับมาที่ 1,264 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันภายในปี 2028 ซึ่งเกือบจะเป็นสองเท่าของราคาต่ำสุดในปัจจุบัน การล็อกการลดภาษีถาวรในตอนนี้จะทำให้กานาเสียโอกาสในการได้รับราคาที่สูงขึ้นในอนาคต” สถาบันแนะนำให้ใช้กลไกภาษีที่เชื่อมโยงกับราคา แทนที่จะเป็นการยกเว้นภาษีแบบคงที่ พร้อมกับข้อบังคับต่อต้านการหลีกเลี่ยงภาษีและมาตรการคุ้มครองผลประโยชน์ในท้องถิ่นที่เข้มงวดมากขึ้น
การเจรจาได้ล่าช้าเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลของกานา ซึ่ง NRGI มองว่าเป็นโอกาสในการปรับสมดุลระหว่างผลประโยชน์ของนักลงทุนและประเทศชาติ เหมืองลิเธียมอีโวยา ซึ่งเป็นกรณีทดสอบสำหรับการพัฒนาแร่เชิงกลยุทธ์ของประเทศ อาจเป็นบรรทัดฐานในการจัดการโครงการแร่ที่สำคัญในอนาคต คณะกรรมการเหมืองแร่ของรัฐสภากานาได้ขอให้บริษัทแยกรายละเอียดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแล้ว โดยเน้นย้ำว่า“ต้องรับประกันผลตอบแทนที่เป็นธรรมให้กับประชาชนจากทรัพยากรที่ไม่สามารถฟื้นฟูได้”



