ภายในเวลาเพียง 24 ชั่วโมง ธนาคารกลางยุโรป 3 แห่ง ได้ทยอยปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องกัน ซึ่งเน้นย้ำว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางกำลังพยายามรับมือผลกระทบจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์แห่งสหรัฐฯ
ธนาคารกลางสวีเดน (Riksbank) และธนาคารแห่งชาติสวิส (Swiss National Bank) ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดฐาน ในวันพุธและวันพฤหัสบดี ตามลำดับ แม้เจ้าหน้าที่ของทั้งสองธนาคารจะอ้างเมื่อเดือนมีนาคมปีนี้ว่า ได้ดำเนินการผ่อนคลายนโยบายการเงินไปแล้วเป็นส่วนใหญ่
ธนาคารกลางนอร์เวย์ (Norges Bank) ก็ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดฐาน เมื่อวันพฤหัสบดีเช่นกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำให้เหล่านักเศรษฐศาสตร์ประหลาดใจ
มีธนาคารกลางทั่วโลกทั้งหมด 18 แห่ง ที่มีกำหนดการประกาศการตัดสินใจนโยบายการเงินล่าสุดในสัปดาห์นี้ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ธนาคารกลางส่วนใหญ่ของโลกยังคงอยู่เฉยๆ การผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรปบางแห่งจึงโดดเด่น
ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น และธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ ต่างก็เลือกที่จะยืนหยัดไม่เปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับผู้กำหนดนโยบายในปากีสถาน ตุรกี และชิลี
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ล่อแหลม เนื่องจากรัฐบาลทรัมป์ของสหรัฐฯ อาจจะนำมาตรการเรียกเก็บภาษีที่เรียกว่า “ภาษีตอบโต้” กลับมาใช้ใหม่ในวันที่ 9 กรกฎาคม
เมื่อเดือนเมษายนปีนี้ ทรัมป์ได้ประกาศใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีที่เรียกว่า “ภาษีตอบโต้” โดยเรียกเก็บภาษีกับคู่ค้าทางการค้าเกือบทุกประเทศ โดยอัตราภาษีเฉพาะจะแตกต่างกันไปตามขาดดุลการค้าของแต่ละประเทศกับสหรัฐฯ ทรัมป์ได้ลดอัตราภาษีตอบโต้ลงเหลือ 10% เป็นการชั่วคราวในภายหลัง โดยระยะเวลากรุณาจะหมดอายุในวันที่ 8 กรกฎาคม
ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่ยังคงดำเนินอยู่ของความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน และความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะใช้มาตรการทางทหารต่ออิหร่าน ผู้กำหนดนโยบายทั่วโลกได้ระมัดระวังมากขึ้น โดยธนาคารกลางหลายแห่งไม่เต็มใจที่จะเคลื่อนไหวอย่างรีบร้อน ไม่ว่าจะเป็นเพราะความกังวลหรือเพราะขาดเงื่อนไข
นักวิเคราะห์กล่าวว่า “ความแตกต่างในผลกระทบจากภาษีศุลกากรและสภาพตลาดแรงงานในแต่ละประเทศ อธิบายได้ว่าทำไมธนาคารแห่งประเทศอังกฤษและธนาคารกลางสหรัฐฯ จึงเคลื่อนไหวช้ากว่าในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ปัจจุบัน สถานการณ์ในอิหร่านได้กลายเป็นตัวแปรใหม่ สำหรับสหรัฐฯ ซึ่งมีน้ำมันเชื้อเพลิงจากหินภูเขาไฟมากมาย ราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นจะผลักดันให้เงินเฟ้อสูงขึ้น แต่อาจไม่จำเป็นต้องส่งผลเสียต่อการเติบโตของ GDP ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ยากขึ้น สำหรับยุโรป ซึ่งพึ่งพาน้ำมันนำเข้า การเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับการเติบโตทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ทำให้มีเหตุผลในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย”"
แม้ว่าเหตุผลของการลดอัตราดอกเบี้ยในสวีเดน นอร์เวย์ และสวิตเซอร์แลนด์จะแตกต่างกัน แต่ก็ล้วนเกี่ยวข้องกับเงินเฟ้อ
ในสวิตเซอร์แลนด์ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ลดลง 0.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วในเดือนพฤษภาคม การคาดการณ์ล่าสุดของธนาคารกลางที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดีแสดงให้เห็นว่าเงินเฟ้อจะเฉลี่ยเพียง 0.2% ในปีนี้ สาเหตุหลักมาจากฟรังก์สวิส ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย ได้แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐและยูโร ตั้งแต่ทรัมป์เข้ารับตำแหน่ง
ในสวีเดน เงินเฟ้อได้ลดลงหลังจากที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงต้นปีนี้ และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งในตอนแรกมีสัญญาณว่าจะเริ่มต้นขึ้น ได้หายไปอีกครั้ง เอริค เธเดน ผู้ว่าการธนาคารกลางสวีเดนกล่าวเมื่อวันพุธว่า สิ่งนี้ทำให้มีพื้นที่สำหรับมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม
ตั้งแต่ต้นปี ครูนาสวีเดนเป็นสกุลเงินที่มีผลการดำเนินงานดีที่สุดในกลุ่มสกุลเงิน G10 โดยแข็งค่าขึ้น 15% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของเงินเฟ้อจากการนำเข้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในนอร์เวย์ เงินเฟ้อมีความคงที่มากขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการอ่อนค่าของโครนนอร์เวย์
แม้จะเป็นเช่นนั้น ดัชนี CPI หลักของนอร์เวย์ก็เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้วในเดือนพฤษภาคม ซึ่งคงที่ที่ระดับต่ำสุดในปีนี้ ธนาคารกลางนอร์เวย์คาดการณ์ในขณะนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อโดยรวมจะลดลงเหลือ 2.2% ในปีหน้า ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.7% ในเดือนมีนาคม และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้จะอยู่ที่ 3%
นอกจากนี้ ความเห็นตรงกันของธนาคารกลางทั้งสามแห่งคือ พวกเขาทั้งหมดมีแนวโน้มที่จะลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง
"
